Dictionary : English, Thai, Pali. Link : Lexitron, RoyDict, BudDict, ETipitaka, PpmDict, Longdo.
Search: เปลวเพลิง, เพลิง, เปลว , then ปลว, เปลว, เปฺลว, เปลวเพลิง, พลง, เพลิง .

Eng-Thai Lexitron Dict : เปลวเพลิง, more than 7 found, display 1-7
  1. flicker 1 : (N) ; เปลวไฟริบหรี่ ; Related:เปลวไฟวูบวาบ, ไฟที่จวนจะดับ ; Syn:flare, flash, gleam ; Ant:glow
  2. flame out : (PHRV) ; เปลวไฟคุโชนอีก ; Related:เผาไหม้อีก ; Syn:blaze up, burn up, flame up, flare up
  3. flame up : (PHRV) ; เปลวไฟคุโชนอีก ; Related:เผาไหม้อีก ; Syn:blaze up, burn up, flame out, flare up
  4. arsonist : (N) ; นักวางเพลิง ; Related:ผู้ที่ลอบวางเพลิง
  5. Eng-Thai Lexitron Dict : เปลวเพลิง, more results...

Thai-Eng Lexitron Dict : เปลวเพลิง, more than 7 found, display 1-7
  1. เปลวเพลิง : (N) ; flame ; Related:glow, licking flames ; Syn:เปลวไฟ, เปลว ; Def:ไฟที่ลุกแลบออกมาหรือพวยพุ่งขึ้น ; Samp:ทุกคนต่างมองดูบ้านของตนที่ตกอยู่ในเปลวเพลิงด้วยความรู้สึกสสลดหดหู่เป็นที่สุด
  2. เปลว : (N) ; flame ; Related:lick ; Syn:เปลวไฟ, เปลวเพลิง ; Def:สิ่งที่มีลักษณะเป็นหยดแหลมที่ลุกแลบออกมาหรือพวยพุ่งขึ้น ; Samp:เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคิดว่าไฟยังไม่ดับสนิท เพราะยังเห็นเปลวแลบออกมาอยู่
  3. เปลว : (N) ; lard ; Related:fat ; Syn:มันเปลว ; Def:มันของสัตว์ที่ไม่ได้ติดอยู่กับหนัง คู่กับ มันแข็ง ; Samp:เวลาซื้อหมู ให้เลือกซื้อเนื้อที่ติดมันเปลวมาด้วย
  4. เพลิง : (N) ; fire ; Related:flame, blaze, conflagration ; Syn:ไฟ ; Samp:เตาไฟควรจัดทำให้ป้องกันเพลิงได้ และควรให้ห่างจากที่เก็บถ่านหรือฟืน
  5. เปลวไฟ : (N) ; blaze ; Related:flame, glow ; Syn:เปลวเพลิง, เปลว ; Def:ไฟที่ลุกแลบออกมาหรือพวยพุ่งขึ้น ; Samp:เปลวไฟในตะเกียงมีสีน้ำเงินสลัว
  6. เพลิงไหม้ : (N) ; fire ; Related:conflagration ; Def:เปลวเพลิงที่เกิดจากการลุกไหม้ ; Samp:อุบัติเหตุในบ้านที่ควรระวังเป็นพิเศษคือ เพลิงไหม้จากการหุงต้ม
  7. เปลวแดด : (N) ; burning sunshine ; Samp:พวกคนงานทำงานท่ามกลางเปลวแดดอย่างมิรู้เหนื่อย
  8. Thai-Eng Lexitron Dict : เปลวเพลิง, more results...

Royal Institute Thai-Thai Dict : เปลวเพลิง, more than 5 found, display 1-5
  1. เปลว : [เปฺลว] น. เรียกไฟที่ลุกแลบออกมาหรือพวยพุ่งขึ้นว่า เปลวไฟ, เรียกควันที่พลุ่ง ๆ ขึ้นไปว่า เปลวควัน, เรียกช่องอยู่เหนือถํ้าที่แลบ ทะลุขึ้นไปเบื้องบนว่า ช่องเปลว หรือ เปลวปล่อง, เรียกสิ่งที่เป็น แผ่นบางอันมีลักษณะคล้ายเปลวไฟ เช่น ทองคําเปลว, เรียกมัน ของสัตว์ที่ไม่ได้ติดอยู่กับหนัง ว่า มันเปลว, คู่กับ มันแข็ง; ชื่อลาย จําพวกหนึ่งมีปลายสะบัดอ่อนไหวคล้ายเปลวไฟ เช่น กระหนกเปลว.
  2. เพลิง : [เพฺลิง] น. ไฟ เช่น เพลิงไหม้บ้าน ดับเพลิง. (ข. เภฺลิง).
  3. ตระบอง : [ตฺระ-] น. ตะบอง เช่น ครั้นพ้นขึ้นมาเปนเปรตถือตระบองเหลกลุกเปนเปลว เพลิง. (สามดวง), กระบอง ก็ว่า.
  4. เพลิงกัลป์ : น. ไฟกัลป์.
  5. เพลิงฟ้า : น.ไฟที่ใช้แว่นส่องจุดด้วยแสงแดด.
  6. Royal Institute Thai-Thai Dict : เปลวเพลิง, more results...

Budhism Thai-Thai Dict : เปลวเพลิง, 10 found, display 1-10
  1. เพลิงทิพย์ : ไฟเทวดา, ไฟที่เป็นของเทวดา, เพลิงคราวถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
  2. ถวายพระเพลิง : ให้ไฟ คือ เผา
  3. กีสาโคตมี : พระเถรีสำคัญองค์หนึ่ง เดิมเป็นธิดาคนยากจนในพระนครสาวัตถี แต่ได้เป็นลูกสะใภ้ของเศรษฐีในพระนครนั้น นางมีบุตรชายคนหนึ่ง อยู่มาไม่นานบุตรชายตาย นางมีความเสียใจมาก อุ้มบุตรที่ตายแล้วไปในที่ต่างๆ เพื่อหายาแก้ให้ฟื้น จนได้ไปพบพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนด้วยอุบายและทรงประทานโอวาท นางได้ฟังแล้วบรรลุโสดาปัตติผล บวชในสำนักนางภิกษุณี วันหนึ่งนั่งพิจารณาเปลวประทีปที่ตามอยู่ในพระอุโบสถ ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทรงทรงจีวรเศร้าหมอง
  4. ประทีป : ตะเกียง, โคม, ไฟมีเปลวสว่าง
  5. มกุฏพันธนเจดีย์ : ที่ถวายพระเพลิง พระพุทธสรีระ อยู่ทิศตะวันออกของนครกุสินารา
  6. สุภัททะ วุฒบรรพชิต : “พระสุภัททะผู้บวชเมื่อแก่” ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการปรารภที่จะทำสังคายนาครั้งที่ ๑ ก่อนบวช เป็นช่างตัดผมในเมืองอาตุมา มีบุตรชาย ๒ คน เมื่อบวชแล้วคราวหนึ่งได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยสงฆ์หมู่ใหญ่จะเสด็จมายังเมืองอาตุมา จึงให้บุตรทั้ง ๒ เอาเครื่องมือตัดผมออกไปเที่ยวขอตัดผมตามบ้านเรือนทุกแห่ง แลกเอาเครื่องปรุงยาคูมาได้มากมาย แล้วบัญชาการให้ผู้คนจัดเตรียมข้าวยาคูไว้เป็นอันมาก เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึง ก็นำเอาข้าวยาคูนั้นเข้าไปถวาย พระพุทธเจ้าตรัสถาม ทรงทราบความว่าพระสุภัททะได้ข้าวนั้นมาอย่างไรแล้ว ไม่ทรงรับและทรงติเตียน แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ๒ ข้อ คือ บรรพชิตไม่พึงชักชวนคนทำในสิ่งที่เป็นอกัปปิยะ และภิกษุผู้เคยเป็นช่างกัลบกไม่พึงเก็บรักษาเครื่องตัดโกนผมไว้ประจำตัว จากการที่ได้ถูกติเตียนและเสียของเสียหน้าเสียใจ ในเหตุการณ์ครั้งนั้น พระสุภัททะก็ได้ผูกอาฆาตไว้ ต่อมา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วได้ ๗ วัน พระสุภัททะร่วมอยู่ในคณะของพระมหากัสสปเถระ ซึ่งกำลังเดินทางจากเมืองปาวาสู่เมืองกุสินารา ระหว่างทางนั้น คณะได้ทราบข่าวพุทธปรินิพพานจากอาชีวกผู้หนึ่ง ภิกษุทั้งหลายที่ยังไม่สิ้นราคะ (คือพระปุถชน โสดาบัน และสกทาคามี) พากันร้องไห้คร่ำครวญเป็นอันมาก ในขณะนั้นเอง พระสุภัททะวุฒบรรพชิต ก็ร้องห้ามขึ้นว่า “อย่าเลย ท่านผู้มีอายุ พวกท่านอย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไห้ไปเลย พวกเราพ้นดีแล้ว พระมหาสมณะนั้นคอยเบียดเบียนพวกเราว่าสิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ บัดนี้พวกเราปรารถนาสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น” พระมหากัสสปเถระได้ฟังแล้วเกิดธรรมสังเวช ดำริว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง ๗ วัน ก็ยังเกิดเสี้ยนหนามขึ้นแล้วในพระศาสนา หากต่อไปคนชั่วได้พวกพ้องมีกำลังเติบกล้าขึ้น ก็จะทำพระศาสนาให้เสื่อมถอย ดังนั้น หลังจากเสร็จงานถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว ท่านจึงได้ยกถ้อยคำของสุภัททะวุฒบรรพชิต นี้ขึ้นเป็นข้อปรารภ ชักชวนพระเถระทั้งหลายร่วมกันทำสังคายนาครั้งแรก
  7. อปรกาล : เวลาช่วงหลัง, ระยะเวลาของเรื่องที่มีขึ้นในภายหลัง คือ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ได้แก่ เรื่องถวายพระเพลิง และแจกพระบรมสารีริกธาตุ
  8. อังคาร : ถ่านเถ้าที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
  9. อาโปธาตุ : ธาตุที่มีลักษณะเป็นเอิบอาบ ดูดซึม, แปลสามัญว่า ธาตุน้ำ, ในร่างกายที่ใช้เป็นอารมณ์กรรมฐาน ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ข้อความนี้ เป็นการกล่าวถึงอาโปธาตุในลักาณะที่คนสามัญทุกคนจะเข้าใจได้และพอให้สำเร็จประโยชน์ในการเจริญกรรมฐาน แต่ในทางอภิธรรม อาโปธาตุเป็นสภาวะที่สัมผัสด้วยกายไม่ได้มีในรูปธรรมทั่วไป แม้แต่ในกระดาษหนังสือ ในก้อนหิน ก้อนเหล็ก และแผ่นพลาสติก ดู ธาตุ
  10. อุบลวรรณา : พระมหาสาวิกาองค์หนึ่ง เป็นธิดาเศรษฐีในพระนครสาวัตถี ได้ชื่อว่าอุบลวรรณาเพราะมีผิวพรรณดังดอกนิลุบล (อุบลเขียว) มีความงามมาก จึงเป็นที่ปรารถนาของพระราชาในชมพูทวีป หลายพระองค์ ต่างส่งคนมาติดต่อท่านเศรษฐีเกิดความลำบากใจ จึงคิดจะให้ธิดาบวชพอเป็นอุบายแต่นางเองพอใจในบรรพชาอยู่แล้ว จึงบวชเป็นภิกษุณีด้วยศรัทธาอย่างจริงจัง คราวหนึ่งอยู่เวรจุดประทีปในพระอุโบสถ นางเพ่งดูเปลวประทีปถือเอาเป็นนิมิตเจริญฌานมีเตโชกสิณเป็นอารมณ์ได้บรรลุพระอรหัต ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ และเป็นอัครสาวิกาฝ่ายซ้าย

ETipitaka Pali-Thai Dict : เปลวเพลิง, more than 5 found, display 1-5
  1. เปลว : (วิ.) ละมุนละม่อม, ละเอียด, ห่าง. วิ. ปิโย ลโว ยสฺมึ ตํ เปลวํ. ปิยสฺส เป. เปลิ คมเน วา อโว, ปิลฺ วตฺตเน วา.
  2. อคฺคิ : ป. ไฟ, เพลิง
  3. ชาตเวท : (ปุ.) ไฟมีเปลวอันเกิดแล้วอันบุคคล พึงรู้, ไฟเครื่องประสมซึ่งเปลว, ไฟ, เปลว ไฟ. วิ. ชาเต อุปฺปนฺเน วินฺทติฌาปยตีติ ชาตเวโท. อนฺธกาเร ชาตํ วิชฺชมานํ วินฺทติ ลภติ ชานาติ วา เอเตนาติ วา ชาตเวโท. ชนนํ ชาตํ เวโท ปากโฏ ยสฺส วา โส ชาตเวโท.
  4. กณฺฑุ กณฺฑุติ กณฺฑู กณฺฑูยา : (อิต.) ความคัน, โรคคัน, ต่อมเล็ก ๆ, ฝี, ลำลาบเพลิง หิด, หิดด้าน, หิดเปลื่อย. กณฺฑฺ เภทเน, อุ. ศัพท์ที่ ๒ ลง อ ปัจ. ประจำธาตุ แล้วเอา อ ที่ ฑ เป็น อุ ติ ปัจ. ศัพท์ที่ ๓ ลง อุ ปัจ. แล้วทีฆะ ศัพท์ที่ ๔ ลง อ ปัจ. ประจำ ธาตุแล้วลง ณฺย ปัจ. เอา อ ที่ ฑ เป็น อู. ส. กณฺฑุ กณฺฑู กณฺฑูยา.
  5. กุกฺกุล, - กุฬ : ป. เถ้าหรือถ่าน, ถ่านเพลิง, ชื่อนรกขุมหนึ่ง
  6. ETipitaka Pali-Thai Dict : เปลวเพลิง, more results...

Pramaha Prasert Mantasevi's Thai-Pali Dict : เปลวเพลิง, 6 found, display 1-6
  1. เปลวไฟ : ชาลา, สิขา, อจฺจิ [นปุ.]
  2. ห่าง, บาง : ตนุ, เปลว, วิรุฬ
  3. กระเบื้องถ่านเพลิง, เชิงกราน : องฺคารกฏาโห, องฺคารกปลฺโล [ป.]
  4. กองถ่านเพลิง : องฺคารราสิ [ป.]
  5. กองเพลิง : อคฺคิกฺขนฺโธ
  6. คบเพลิง : อุกฺกา

(0.1930 sec)