Dictionary : English, Thai, Pali. Link : Lexitron, RoyDict, BudDict, ETipitaka, PpmDict, Longdo.
Search: คะยั้นคะยอ .

Eng-Thai Lexitron Dict : คะยั้นคะยอ, 3 found, display 1-3
  1. cough out : (PHRV) ; เล่าอย่างไม่เต็มใจ (หลังจากถูกชักชวนหรือคะยั้นคะยอ) (คำไม่เป็นทางการ) ; Syn:cough up, spit up

Thai-Eng Lexitron Dict : คะยั้นคะยอ, 2 found, display 1-2
  1. คะยั้นคะยอ : (V) ; urge ; Related:exhort, coax, cajole, wheedle ; Syn:รบเร้า, เซ้าซี้ ; Def:หนุนให้ทำ, ชักชวนให้ตกลงใจทำด้วยการรบเร้า ; Samp:แม่เฒ่าคะยั้นคะยอให้ลูกชายกินข้าวให้มากๆ โดยเฉพาะไก่ต้มใส่ใบยา
  2. ชนแก้ว : (V) ; give a toast ; Related:clink glasses ; Syn:ยกแก้ว ; Samp:เขาเมาหนักเพราะถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ชนแก้วไปหลายแก้ว

Royal Institute Thai-Thai Dict : คะยั้นคะยอ, 3 found, display 1-3
  1. คะยั้นคะยอ : ก. ชักชวนให้ตกลงใจด้วยการรบเร้า.
  2. แค่น : ก. ฝืน เช่น แค่นกิน, คะยั้นคะยอ เช่น แค่นให้กิน, ทําไม่เป็นหรือ ไม่สันทัดแล้วยังอวดดีขืนทํา เช่น แค่นทำ, สะเออะ เช่น ไม่มีเงิน ยังแค่นแต่งตัวโก้.
  3. กระแหย่ง : [-แหฺย่ง] ว. อาการปีนขึ้นอย่างพลั้ง ๆ พลาด ๆ. ก. คะยั้นคะยอ เช่น มาหยักเหยาเซ้าซี้กระแหย่งชาย. (รามเกียรติ์ ร. ๑).

Budhism Thai-Thai Dict : คะยั้นคะยอ, 1 found, display 1-1
  1. สุภัททะ : ปัจฉิมสิกขิสาวก (สาวกผู้ทันเห็นองค์สุดท้าย) ของพระพุทธเจ้า เรียกสั้นๆ ว่า ปัจฉิมสาวก เดิมเป็นพราหมณ์ตระกูลใหญ่ ต่อมาออกบวชเป็นปริพาชก อยู่ในเมืองกุสินารา ในวันที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน สุภัททปริพาชกได้ยินข่าวแล้วคิดว่าตนมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง อยากจะขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อแก้ข้อสงสัยนั้นเสียก่อนที่จะปรินิพพาน จึงเดินทางไปยังสาลวัน ตรงไปหาพระอานนท์ แจ้งความประสงค์ขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระอานนท์ได้ห้ามไว้ เพราะเกรงว่าพระองค์เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว จะเป็นการรบกวนให้ทรงลำบาก สุภัททปริพาชกก็คะยั้นคะยอจะขอเข้าเฝ้าให้ได้ พระอานนท์ก็ยืนกรานห้ามอยู่ถึง ๓ วาระ จนพระผู้มีพระภาคทรงได้ยินเสียงโต้ตอบกันนั้น จึงตรัสสั่งพระอานนท์ว่าสุภัททะมุ่งหาความรู้ มิใช่ประสงค์จะเบียดเบียนพระองค์ ขอให้ปล่อยให้เขาเข้าเฝ้าเถิด สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าแล้ว ทูลถามว่า สมณพราหมณ์เจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย คือ เหล่าครูทั้ง ๖ นั้น ล้วนได้ตรัสรู้จริงทั้งหมดตามที่ตนปฏิญญา หรือได้ตรัสรู้เพียงบางท่านหรือไม่มีใครตรัสรู้จริงเลย พระพุทธเจ้าทรงห้ามเสียและตรัสว่าจะทรงแสดงธรรม คือ หลักการหรือหลักความจริงให้ฟัง แล้วตรัสว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ หาไม่ได้ในธรรมวินัยใด สมณะ (คืออริยบุคคลทั้ง ๔) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด สมณะก็หาได้ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้ สมณะทั้ง ๔ จึงมีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะ และตรัสสรุปว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อจบพระธรรมเทศนา สุภัททปริพาชกเลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธเจ้าตรัสสั่งพระอานนท์ให้บวชสุภัททะในสำนักของพระองค์ โดยประทานพุทธานุญาตพิเศษให้ยกเว้นไม่ต้องอยู่ติตถิยปริวาส ท่านสุภัททะบวชแล้วไม่นาน (อรรถกถาว่าในวันนั้นเอง) ก็ได้บรรลุอรหัตตผล นับเป็นพุทธปัจฉิมสักขิสาวก

ETipitaka Pali-Thai Dict : คะยั้นคะยอ, not found

Pramaha Prasert Mantasevi's Thai-Pali Dict : คะยั้นคะยอ, not found

(0.0315 sec)