ธรรมะ: ปกิณกะ
หลวงพ่อศิริ: ท่านบวชมา ๔ พรรษาแล้ว ละกิเลสตัวไหนได้บ้างล่ะ แล้วยังเหลือตัวไหนอีก
ภิกษุพรรรษา ๔: ... ("กิเลสที่ละได้แล้วก็ละได้แล้ว กิเลสที่ยังละไม่ได้ก็ยังเหลืออยู่" แต่คำตอบมันเหมือนกวน ๆ เราจะตอบท่านยังไงดี) ...
หลวงพ่อศิริ: อ้อ กิเลสที่ละได้แล้วก็ละได้แล้ว กิเลสที่ยังละไม่ได้ก็ยังเหลืออยู่เหรอ
ภิกษุพรรรษา ๔: ครับ _/|\_
.
.
.
ภิกษุพรรษา ๔: ... (ขอให้หลวงพ่อช่วยแก้จิตให้ผมที ผมเจริญอสุภกรรมฐานจนเห็นคนเป็นซากศพหมดทั้งโลก แต่พอนึกถึงคนรักเก่า เห็นเป็นคนสวยทุกที) ...
หลวงพ่อศิริ: - กำลังเทศน์อยู่ - ... "การเจริญพระกรรมฐาน ให้นึกว่า เรามาคนเดียว เราไปคนเดียว เราไม่เป็นอะไรกับใคร ใครไม่เป็นอะไรกับเรา ตายแล้วต่างคนต่างไป ไม่ว่าจะเป็นอะไรกันมาสักกี่ชาติ ก็ต้องตัดให้ขาดในชาตินี้ อย่าให้เหมือนหลวงปู่ชอบ ที่ท่านต้องกลับมาเกิดเป็นไก่ให้เขาฆ่าตั้ง ๗ ชาติ เพราะเหตุที่ไปหลงไก่ตัวเมีย" ...
ภิกษุพรรษา ๔: ... (อ้อ เพราะเรายึดว่าเขาเป็นคนของเรานี่เอง จึงทำให้เราเห็นเขาสวย) ... _/|\_
อธิบาย การยึดว่าสิ่งใดก็ตามว่าเป็นของเรา เป็นอาการของโมหะ คือความเห็นผิด ซึ่งแต่ก่อนนี้ กิเลสราคะ ถูกซ่อนอยู่ภายใต้โมหะ จึงทำให้อสุภกรรมฐานตัดไม่ขาด เพราะโมหะเป็นเกราะบังอยู่ แต่เมื่อละโมหะหยาบนี้ได้ ราคะที่ซ่อนอยู่จึงเผยออกมา ทำให้กำลังของอสุภกรรมฐานสามารถกำจัดราคะได้อย่างง่ายดาย (หมายเหตุ แฟนเก่าท่านชื่อไก่)
.
.
.
ภิกษุพรรษา ๘: ท่านเชื่อไหม ผมอยู่นี่ ๓ เดือน ผมเถียงกับหลวงพ่อทุกวัน
ภิกษุพรรษา ๔: อ้าว ทำไมถึงกล้าเถึยงกับหลวงพ่อ ท่านดุมากไม่ใช่เหรอ
ภิกษุพรรษา ๘: เปล่าหรอก ตอนที่ท่านกำลังเทศน์น่ะ ผมเถียงกับท่านในใจ แต่ท่านเถียงกลับมาในไมค์ ก็เถียงกันไปเถียงกันมา
ภิกษุพรรษา ๔: ... _/|\_
.
.
.
ภิกษุพรรษา ๔: ...(หลวงพ่อท่านดุมาก เราตั้งใจว่า ถ้าท่านด่าอะไรมา เราไม่โกรธเด็ดขาด)...
หลวงพ่อศิริ: ท่านมันเลวเหลือเกิน
ภิกษุพรรษา ๔: :)
หลวงพ่อศิริ: ปฏิบัติธรรมอย่างท่านน่ะ ตายแล้วก็ลงนรก
ภิกษุพรรษา ๔: :)
หลวงพ่อศิริ: ท่านมันไม่มีหิริ โอตตัปปะ
ภิกษุพรรษา ๔: :( ...(อ้าว ทำไมเราถึงโกรธได้ อ๋อ เรามันยึดมั่นในความดีนี่เอง ยึดมั่นในความดีหรือยึดในความชั่วก็โง่พอกันนั่นแหละ)... _/|\_
.
.
.
เอวัง
Recent comments